วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

เมนุ วัย 1+

ต้มกะทิปลาข้าวโพด
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีเมนูปลาน่าหม่ำสำหรับเด็ก ๆ วันนี้เสนอเมนูที่ชื่อว่า “ต้มกะทิปลาข้าวโพดอ่อน” เหมาะสำหรับเป็นเมนูลูกรักวัยตั้งแต่ 1-3 ปี มีส่วนประกอบและวิธีการทำดังนี้ครับเครื่องปรุง :1) เนื้อปลาทูสดหั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ตัว2) ข้าวโพดอ่อนหั่นท่อนสั้นๆ 1/4 ถ้วย3) หัวกะทิ 1/2 ถ้วย4) หางกะทิ 1 ถ้วย5) ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา6) เกลือป่น 1/4 ช้อนชาวิธีทำอาหาร :ต้มหางกะทิกับข้าวโพดอ่อนจนสุก ใส่เนื้อปลา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และเกลือป่น เติมหัวกะทิ พอเดือดยกลงเคล็ดไม่ลับ :น้ำซุปในที่นี้ ก็คือ น้ำต้มกระดูกหมู หรือน้ำต้มโครงกระดูกไก่ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็สามารถใช้น้ำเปล่าก็ได้นะคะ

ปลาราดหน้าฟักทอง
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีเมนูลูกรักวันนี้ เพียงแค่เห็นหน้าตาก็น่ารับประทานมาก แถมยังเน้นเป็นเมนูปลาอาหารบำรุงสมองเหมือนเดิม มาดูส่วนประกอบกันเลยเครื่องปรุง :1) เนื้อปลาช่อนสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ2) ฟักทองต้มสุกบดละเอียด 1/4 ถ้วย3) น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ4) ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา5) น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา6) น้ำมันพืช 1 ช้อนชาวิธีทำอาหาร :- ผัดปลากับน้ำมัน เติมน้ำซุป ผัดจนสุกทั่ว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย- ตักราดฟักทองบดเห็นเครื่องปรุงเยอะแบบนี้ แต่วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลยใช่มั้ยคะ แถมได้หน้าตาอาหารเป็นเมนูลูกรักน่าทานมาก หวังว่าคงจะถูกอกถูกใจเด็ก ๆ นะคะ

ทอดมันปลา
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีอาหารเมนูปลามาก ๆ ทานแล้วดีมีประโยชน์ แถมลูก ๆ ยังมีพัฒนาการทางสมองที่ดีด้วย วันนี้ขอเสนอ “ทอดมันปลา” โดยสามารถเตรียมเครื่องปรุงดังนี้คะเครื่องปรุง :1) ปลาอินทรีหรือปลากรายขูด 2 ช้อนโต๊ะ2) กระเทียม 1 กลีบ3) รากผักชี 1 ราก4) แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ5) เนยแข็งขูด 2 ช้อนโต๊ะ6) ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา7) เกลือปลายช้อนชา น้ำตาลทรายปลายช้อนชา9) น้ำมันพืชสำหรับทอด10) น้ำจิ้มบ๊วยวิธีทำอาหาร :ตำกระเทียมกับรากผักชีให้ละเอียด ใส่ปลา ซีอิ๊วขาว ปั้นเป็นก้อนกลม ชุบแป้งมัน นำไปทอดพอเหลือง รับประทานกับน้ำจิ้มบ๊วย

ปลาม้วน
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีเครื่องปรุง :1) เนื้อปลากะพงแดงแล่เป็นแผ่นบาง 3 ชิ้น2) หมูสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ3) เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนิ่มหั่นบางๆ 1 ช้อนโต๊ะ4) ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา5) เกลือปลายช้อนชา6) น้ำตาล 1/2 ช้อนชาวิธีทำอาหาร :หมักเนื้อปลากับเกลือ น้ำตาล และซีอิ๊วขาว ใส่หมูสับและเห็ดหอมลงไปตรงกลางเนื้อปลา ม้วนให้แน่น ใช้ไม้จิ้มฟันแหลมๆ เสียบไว้กันหลุด นำไปนึ่งจนสุก เวลารับประทานให้ดึงไม้จิ้มฟันออก

ข้าวต้มปลาสับกับผักโขม
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีมีผลการวิจัยสรุปว่าการให้เด็กทานปลาตั้งแต่เล็ก จะช่วยให้มีพัฒนาการทางสมองที่ดี วันนี้เลยได้แนะนำข้าวต้มปลาสับกับผักโขม เพื่อโภชนาการที่ครบทั้ง 5 หมู่ครับเครื่องปรุง :- ข้าวสวย 1 ช้อนโต๊ะ- ปลากะพงหั่นชิ้นเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ- มันฝรั่งสับ 1 ช้อนโต๊ะ- ผักโขมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ- น้ำซุป 1 ถ้วย- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชาวิธีทำอาหาร :- ลวกปลาพอสุก พยายามอย่าให้แข็ง เสร็จแล้วพักไว้- ต้มน้ำซุปกับมันฝรั่งจนสุกด้วยไฟปานกลาง ใส่ข้าวลงไป พอน้ำเดือดอีกครั้งใส่ปลา ผักโขม และปรุงรส ด้วยซีอิ๊วขาว รอจนสุกจึงยกลงเมนูนี้ทำได้ไม่ยากเลย คุณพ่อคุณแม่ลองนำไปทำให้ลูก ๆ ดูคะ เผื่อลดอาการเบื่ออาหารในเด็กได้ อิ ๆ

ปลาตุ๋นไข่แดง
เมนูปลาพัฒนาสมอง, เมนูสำหรับเด็ก 1-3 ปีวันนี้มีเมนูอาหารที่ประกอบจากปลาและไข่มานำเสนอคะ เป็นเมนูสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 1 ถึง 3 ปี หวังว่าจะถูกอกถูกใจคุณแม่ที่หมดมุขเรื่องทำอาหารสำหรับลูกที่เริ่มมีอาหารเบื่ออาหารนะคะเครื่องปรุง :1) เนื้อปลาอินทรีขูด 1 ช้อนโต๊ะ2) ไข่แดง 1 ฟอง3) น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ4) ซีอิ๊วขาววิธีทำอาหาร :ผสมเนื้อปลากับไข่แดง และน้ำซุป ตีเบาๆ ให้เข้ากัน นำไปตุ๋นจนสุกดี หรือประมาณ 10 นาที เท่านี้ก็ได้เมนูปลาตุ๋นไข่แดงแสนอร่อยแล้วคะ

อาหารเสริมประเภทต่างๆ

ข้าว แป้ง
อาหารเสิรมชนิดแรกของเด็ก คือ แป้ง อาหารประเภทแป้งเป็นอาหารที่นุ่ม ไม่เป็นกาการะคาย สามารถเตรียมได้ให้มีลักษณะคล้ายนม ความข้น ความเหลวควรจะให้เหมาะกับวัยของเด็ก อาหารแป้งที่ให้เด็กจะใช้ข้าว แป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม แป้งสาลี สาคูเม็ดเล็ก

ผัก
เด็กควรจะได้เริ่มหัดกินผักเมื่ออายุ 3 เดือน คือพร้อมๆกับเนื้อ โดยต้มให้เปื่อย บดหรือยี ควรให้วันละ 1 ครั้งก่อน ผักแต่ละอย่างที่ให้เด็กควรจะให้ซ้ำกัน 4-5 วันจึงเปลี่ยนเป็นผักชนิดใหม่ เพื่อให้เด็กชินกับการกินผักชนิดนั้นก่อน เพื่อให้เด็กกินผักเป็นทุกชนิดเพราะผักแต่ละอย่างมีความมากน้อยในวิตามิน เกลือแร่ โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตต่างกันเมื่อเด็กกินผักแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่นเป็นผื่น บวมแดงบริเวณก้น ท้องเสีย อาการเช่นนี้จะเกิดทันทีหลังจากกินผักนั้นๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ควรจะหยุดป้อนผักชนิดนั้นก่อน ค่อยเริ่มใหม่ในเดือนต่อไป หรือทิ้งระยะสัก 2 เดือนจึงเริ่มใหม่การทำผักให้เด็กอายุ 3 เดือน ผักที่ให้ควรต้องต้มให้เปื่อย บดหรือยีให้ละเอียด เลือกผักที่กากน้อย เช่นใบผักโขม มันเทศ ใบผักบุ้ง ใบตำลึง ฟักทอง มันฝรั่ง วิธีทำอาหารผักให้เด็กเล็กๆง่าย ก่อนอื่นต้องเลือกผักที่สด ใหม่ ไม่แก่ ล้างให้สะอาด แล้วต้มใช้หม้อเล็กๆปิดฝาต้ม เคี่ยวให้ผักเปื่อยเป็นใช้ได้ ไม่ควรใส่น้ำมาก และควรจะใช้น้ำต้มผักนั้นด้วย เพราะเกลือแร่และวิตามินจะอยู่ในน้ำต้มผักนั้นด้วย เติมเกลือเพียงเล็กน้อยลงในผักที่ต้มกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี เพื่อความแน่ใจว่าเด็กจะไม่ท้องอืด เพราะผักประเภทนี้เมื่อกินแล้วจะทำให้เกิดแก๊ซได้ อาจทำให้เด็กท้องอืด เสียดท้องได้ ผักประเภทนี้ ควรจะให้เมื่อเด็กอายุ 9 เดือนหรือ 1 ขวบขึ้นไป ผักประเภทหัวและราก เช่น ไชเท้า แครอท หอมหัวใหญ่ บวบ ถั่วงอกและผักอื่นๆควรจะเริ่มให้เด็กเมื่ออายุ 3-4 ขวบขึ้นไป เด็กเมื่อโตขึ้นย่อมมีความรู้สึกเรื่องรสและกลิ่นดีขึ้นเป็นลำดับ นอกจากเด็กจะมีความรู้สึกเรื่องรสแล้ว ยังมีความรู้ในเรื่องกลิ่น ฉะนั้นในการเลือกผักทำอาหารให้เด็กต้องดูวัยของเด็ก เปลี่ยนแปลงวิธีการหุงต้มผักตามวัยของเด็ก เช่น จากผักบดเป็นต้มเปื่อย เป็นอบ เป็นผัด และให้เด็กได้หัดกินผักสดบ้างเมื่ออายุ 3 ขวบขึ้นไป เริ่มทดลองให้กินผักที่มีรสหวาน เช่น แตงกวา มะเขือเทศครั้งแรกเมื่อให้ผักแก่เด็ก ควรเริ่มจากผักใบเขียว เช่น ใบตำลึง ใบผักบุ้ง ผักโขม โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ช้อนชา แล้วจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็น 2 ช้อนโต๊ะ และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1/4 ถ้วย การให้อาหารประเภทผักควรจะเริ่มให้ในมื้อบ่ายหรือเที่ยงก่อน โดยผสมกับข้าวและเนื้อสัตว์ต่างๆ ต่อมาจึงเพิ่มให้มื้อเย็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เมื่อเด็กกินอาหารทั้ง 3 มื้อ มือ้เช้าควรจะเป็นน้ำผลไม้ ผลไม้สด มื้อกลางวันและมื้อเย็นควรจะให้ทั้งผักใบเขียวและผักสีเหลืองผักที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรเลือกผักที่สดและใหม่ และควรเป็นผักที่หาได้ในท้องถิ่น ล้างผักให้สะอาดโดยใช้น้ำมากๆ ล้างหลายๆครั้งก่อนที่จะทำเป็นอาหารให้เด็ก

เนื้อสัตว์
เนื้อแลไก่ควรจะเริ่มให้เมื่อเด็กอายุ 3 เดือน เนื้อและไก่เป็นอาหารที่ให้สารอาหารโปรตีน โปรตีนเป็นสารอาหารที่ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต แข็งแรง ฉลาด เนื้อและไก่ที่ให้เด็กควรเลือกส่วนที่ไม่มีไขมัน ถ้าเป็นไก่ควรจะเอาหนังออก เริ่มแรกในการให้อาหารประเภทนี้แก่เด็ก ควรจะใช้วิธีต้ม อบ ตุ๋น แล้วจึงบดหรือสับให้ละเอียด การเริ่มให้อาหารประเภทเนื้อ ควรให้ตอนมื้อเที่ยงโดยเริ่มจาก 2-3 ช้อนชาก่อน โดยผสมกับข้าวบดผักบดการทำอาหารประเทภเนื้อ สำหรับเด็กเล็กไม่ควรใช้เครื่องเทศ ผงชูรส หรือสารเคมีต่างๆที่ช่วยในการเปื่อย ให้เปื่อยโดยวิธีต้มเคี่ยว แล้วจึงบดหรือสับให้ละเอียด ในการทำแต่ละครั้ง ไม่ควรทำไว้มากเกินที่ป้อนใน 1 วันหรืออย่างมากได้เพียง 2 วัน เมื่อเหลือเก็บส่วนที่เหลือในกล่องปิดฝาให้แน่นใส่ตู้เย็น เมื่อจะใช้จึงอุ่นการเลือกเนื้อไก่ควรเลือกไก่อ่อน ไก่อ่อนจะมีสีขาวเนื้อจะนุ่ม ถ้าไก่แก่เนื้อจะหยาบ เนื้อควรเลือกเนื้อสันในหรือเนื้อส่วนตะโพก หมูก็ควรใช้หมูที่ไม่ติดมันเลือกใช้แต่หมูเนื้อแดง

ตับ
ตับเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้ทั้งอาหาร โปรตีนและธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังให้วิตามินเอ ไรโบเฟลวิน และไนอาซีน ตับที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรจะใช้ตับไก่ ตับหมู เลือกตับที่ไม่ขม ควรทำตับให้เด็ก ทำเช่นเดียวกับเนื้อสัตว์อื่นๆและให้เมื่อเด็กอายุ 3-4 เดือน เช่นเดียวกับเนื้อ

ไข่
เด็กอายุประมาณ 3-4 เดือน ควรจะเริ่มให้ไข่แดงลวกยางมะตูม โดยเริ่ม 1 ช้อนชาก่อนแล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 1 ฟองไข่แดง ส่วนใหญ่จะเริ่มให้ไข่ทั้งฟองเมื่อเด็กอายุ 10 เดือนขึ้นไป โดยให้ไข่ต้มยางมะตูมยีผสมกับข้าวต้มเปื่อย ถ้าเด็กกินแล้วไม่เกิดอาการผื่นคัน อาเจียน ก็ควรจะให้ต่อไปอย่างน้อยเด็กอายุระหว่าง 10 เดือน ถึง 2 ขวบ ควรจะให้กินไข่อาทิตย์ละ 5 ฟอง

ปลา
ควรให้เด็กกินปลาเมื่ออายุ 10 เดือน ตามปกติเด็กจะชอบปลา เพราะเนื้อปลาส่วนใหญ่จะนุ่ม รสหวาน ไม่ต้องเคี้ยวมาก ปลาให้สารอาหารประเภทโปรตีนและให้ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำให้ฟันและกระดูกแข็งแรงเจริญเติบโต เพราะแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้จะทำงานร่วมกัน หน้าที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน ในวัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการแร่ธาตุนี้มากที่สุด ปลาที่ใช้ทำอาหารให้เด็กควรเลือกปลาที่มีเนื้อมาก ไม่มีไขมัน สด ใหม่ เช่น ปลานิล ปลาสำลี ปลาตาเดียว ปลากะพง เป็นต้น การทำอาหารปลาสำหรับเด็ก ใช้วิธี นึ่ง อบ ต้ม ย่างหรือทอดก็ได้ แต่ต้องเอาก้างออกให้หมดโดยใช้นิ้วมือบี้ การใช้มือบี้จะช่วยให้ปลอดภัยและแน่ใจว่าไม่มีก้างติด

ผลไม้สด
เด็กอายุ 3 เดือน ควรจะเริ่มให้กินกล้วยสุกครูดเอาแต่เนื้อกล้วยแล้วจึงบด เริ่ม 1 ช้อนชา แล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ควรจะให้ในช่วง 10 โมง หรือบ่าย นอกจากกล้วยผลไม้สุกอื่นๆเช่นมะละกอสุก ฝรั่งสุก มะม่วงสุก ถ้าต้มเปื่อยหรือตุ๋นแล้วบดหรือยีให้เด็กก็ได้ เปลี่ยนจากกล้วยเป็นมะละกอตุ๋น ฝรั่งสุกตุ๋น แล้วบดเด็กอายุ 8 เดือน ควรจะได้เริ่มกินผลไม้สด เลือกผลไม้ที่มีรสหวาน หัดให้เด็กหยิบใส่ปากเอง ใช้ผลไม้สุกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ ผลไม้ที่ใช้ได้ เช่น มะละกอสุก ฝรั่งสุก แตงไทย องุ่น ลอกเปลือกออกเอาเมล็ดออกไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะทำเลอะเทอะ เมื่อป้อนเสร็จจึงค่อยทำความสะอาดน้ำผลไม้น้ำผลไม้จะให้เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน ควรจะให้น้ำผลไม้ที่คั้นจากผลไม้สด ถ้าจะใช้น้ำผลไม้กระป๋องหรือขวด จะต้องเลือกชนิดที่เป็นของเด็ก ซึ่งจะมีสลากบอกข้างขวดหรือกระป๋องว่าใช้สำหรับเด็กได้ เราต้องการให้เด็กได้วิตามินซี จึงให้น้ำผลไม้แก่เด็ก

น้ำผลไม้
ที่ให้เด็กอายุ 4 เดือน ควรจะใส่ขวดให้ดูด ให้ 1 ออนซ์แล้วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึง 3-4 ออนซ์ น้ำส้มคั้นใช้ส้มเกลี้ยง ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง ล้างเปลือกเช็ดให้แห้งแล้วจึงผ่า มือและเล็บผู้คั้นควรจะสะอาด เมื่อให้ครั้งแรกควรจะให้ครึ่งผลก่อน ครั้งแล้วกรองผสมน้ำสุก ใช้น้ำส้ม 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเด็กอายุ 5 เดือนเพิ่มเป็น 3-4 ออนซ์ โดยไม่ต้องผสมน้ำและกรองเมื่อเด็กอายุ 5 เดือนขึ้นไป ควรจะเริ่มหัดให้เด็กได้ดื่มน้ำผลไม้จากแก้ว เด็กต้องการวิตามินซีวันละ 4 มิลลิกรัม แต่ต้องการทุกๆวัน น้ำส้ม 3 ออนซ์ ให้วิตามินซีถึง 50 มิลลิกรัม

เครื่องดื่ม
เมื่อเด็กอายุ 1 ขวบ เขาควรจะได้ดื่มเครื่องดื่มเป็นของว่างแทนน้ำผลไม้ หรือนมบ้างในบางมื้อ เป็นการฝึกนิสัยในการกินที่ดีให้กับเด็ก เด็กจะได้เป็นคนไม่เลือกอาหาร เครื่องดื่มที่เราควรจะให้เด็กเราต้องคำนึงถึงสารอาหารที่เด็กจะได้รับ เพราะเมื่อเด็กดื่มแล้วอาจจะอิ่ม ทำให้กินอาหารได้น้อยลง เครื่องดื่มสำหรับเด็กจึงควรให้สารอาหารโปรตีนด้วย เลือกเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอยู่ในส่วนผสมของเครื่องดื่มนั้นๆ และควรทำเองดีกว่าที่จะซื้อชนิดบรรจุกระป๋องหรือขวด เพราะอาจจะหวานมากไปสำหรับเด็กและเครื่องดื่มบรรจุกระป๋องหรือขวดมักใส่ยากันบูดไม่เหมาะให้เด็กดื่ม ส่วนผสมของเครื่องดื่มควรเลือกผลไม้สดใหม่ และมีในฤดูกาล ไม่หวานจัด เช่นผลไม้ปั่น กล้วยผสมนม น้ำส้มกับไอศกรีม

อาหารบริหารฟัน
เด็กเมื่อฟันขึ้น ควรให้ขนมประเภทที่ออกแรงขบเคี้ยวให้เด็กถือหรือป้อนเอง แต่ขนมควรจะเป็นชนิดที่ละลายได้ในปาก เคี้ยวขาดง่ายสำหรับวัยของเขา เช่น บิสกิต ขนมปังแท่ง คุกกี้ ขนมผิง ทองม้วน ครั้งแรกบิเป็นชิ้นเล็กๆวางไว้ในจานให้เขาหยิบเอง แล้วจึงให้เป็นชิ้นเมื่อเขาชินและเข้าใจถึงวิธีการป้อนขนมด้วยตนเอง เมื่อเริ่มให้ถ้าให้ชิ้นใหญ่เดี๋ยวเด็กอาจจะใส่ปากทั้งอันอาจสำลักแล้วเข็ดไม่กล้ากินอีกต่อไปเด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป ควรจะได้เปลี่ยนนมเป็นนมแบบผู้ใหญ่ดื่ม และควรจะได้กินอาหาร 3 มื้อ นมเป็นเพียงอาหารเสริมระหว่างมื้อ เมื่อเด็กอายุครบ 1 ขวบ ต้องพยายามให้เด็กกินอาหาร 3 มื้อให้ได้ เพื่อที่จะให้เด็กได้สารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เปลี่ยนลักษณะของอาหารให้เหมาะกับความเจริญเติบโตของเด็ก

เมนู วัย 8-12 เดือน

สตูว์ไก่
สันในไก่หั่นชิ้นเล็กๆ คลุกกับแป้งสาลีและเกลือป่นหมักไว้ นำไปทอดให้เหลือง ผัดหอมใหญ่ หัวแครอทชิ้นเล็กๆ จนเหลือง ใส่เนื้อไก่ ถั่วแขก มันฝรั่ง เติมน้ำต้มกระดูกไก่ เคี่ยวจนเนื้อเปื่อย ผักสุกนิ่ม

น้ำซุปไก่
ปอกเปลือกหัวไชเท้า แครอท อย่างละ 1 หัว ตัดครึ่ง ผ่า 4 ขึ้นฉ่าย 1 ต้น ตัดรากออก นำกระดูกไก่ลงแช่น้ำ นานประมาณ 40 นาที ใส่ผักทั้งหมดลงในหม้อน้ำกระดูกไก่ เติมเกลือ 1 ชช ยกขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวนาน 30 นาที ระวังอย่าให้เดือด ช้อนฟองออกตักผัก กระดูกไก่ออก กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำน้ำที่ได้ ไปต้มอีกครั้ง

ข้าวนึ่งนม
ผสมข้าวสารกับนมและเกลือ เข้าด้วยกัน นึ่งจนข้าวสุก เวลาทานราดด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง

ผัดมักกะโรนีกุ้ง
ต้มมักกะโรนีในน้ำเดือด ใส่เกลือป่นเล็กน้อยต้มจนมักกะโรนีนิ่ม ตักขึ้นแช่น้ำเย็น ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผัดเนยกับหอมหัวใหญ่หั่นละเอียด ใส่มะเขือเทศ น้ำตาล เกลือ น้ำซุปเล็กน้อย ตามด้วยกุ้งสดสับชิ้นเล็กๆ ใส่มะกะโรนี ผัดให้เข้ากัน

แตงกวาสอดไส้
แตงกวาหั่นขวาง คว้านไส้กลางออกผสมเนื้อหมูสับหรือกุ้งสับ หอมใหญ่สับ แป้งในและเกลือป่น เข้าด้วยกัน โรยแป้งสาลีเล็กน้อย ยัดไส้ลงในแตงกวา จัดเรียงลงหม้อ เติมน้ำต้มกระดูกไก่พอท่วม ต้มจนสุก

ปลาทอด
ปลาตาเดียว หรือปลาช่อน ลอกหนังและเลาะกระดูกออก หั่นหนาประมาณ 1/2นิ้ว เคล้าปลากับน้ำมะนาวและเกลือ หมักไว้ 10 นาที ละลายเนยในกระทะ นำปลาลงทอดให้สุก

ผัดเม็ดถั่วลันเตา
ใส่น้ำมันลงในกะทะ ผัดหมูสับ มะเขือเทศ และเม็ดถั่วลันเตาต้มสุก ปรุงรสด้วยเกลือป่น ตักใส่จาน ตีไข่ นมสด เกลือป่น ให้เข้ากัน ละลายเนยในกะทะ เทไข่ที่ผสมแล้วลงไปคนให้กระจาย ใส่เม็ดถั่วที่ผัดกับหมูสับมะเขือเทศลงไป คนให้เข้ากัน

ขนมปังแพนเค้ก
ปั่นขนมปัง ไข่ นม วานิลลา เข้าด้วยกัน ให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ละลายเนยในกะทะแบน ตั้งไฟพอร้อนตักส่วนผสมลงทอด

มันฝรั่งชุบไข่ทอด
ต้มมันฝรั่งทั้งเปลือกให้สุกนิ่ม ลอกเปลือกออก หั่นเป็นแว่นบางๆ และหั่นเป็นชิ้นเป็นชิ้นใหญ่ๆอีกที หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็ก หมักกับเกลือป่นเล็กน้อย ละลายเนยในกะทะ นำเนื้อหมูกับมันฝรั่งลงผัด ตีไข่ให้ขึ้นฟู ใส่มันฝรั่ง เนื้อหมู ที่ผัดไว้ นำไปทอดให้เหลืองสุก

หมูสับราดหน้าผักหมูสับ
หอมใหญ่สับ เกลือป่น ไข่ขาว แป้งมัน ผสมให้เขากัน เสร็จแล้วปั้นหมูเป็นห้อนกลมเล็กๆ ทอดให้สุก ลวกแครอท กะหล่ำดอก มะเขือเทศ ถั่วแขกพอสุก นำผักทั้งหมดลงผัด เติมน้ำซุป เกลือป่น ละลาย แป้งมันใส่ ตักราดเนื้อหมูที่ทอดแล้ว


ข้าวบดไก่
เครื่องปรุง ข้าวสุก 1/2 ถ.เนื้อไก่สับ 1 ช.ต.น้ำ 1 1/2 ถ.ซีอิ้วขาว 1/2 ช.ช.
วิธีทำ 1. ต้มข้าวสุกกับน้ำ ต้มไฟปานกลางจนข้าวสุกแล้วใส่ไก่สับ ต้มไฟอ่อน2. คนจนกระทั่งเนื้อไก่สุก นำมาบดด้วยหลังช้อนพอให้เข้ากัน


มันเทศกวน
เครื่องปรุงมันเทศ 1 หัวเล็ก ลูกเกด 1 ชต.เนยสด 1ชต.น้ำตาลทราย 1 ชต.
วิธีทำ1. มันเทศล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปต้มหรือนึ่งให้สุกนิ่ม 2. ใส่มันเทศที่ต้มหรือนึ่งลงในหม้อ ยีมันเทศให้ละเอียดในระหว่างที่ยังร้อนอยู่ 3. ลูกเกดลวกน้ำอุ่นแล้วสับให้ละเอียด คลุกกับมันเทศบด เติมเนยสดและน้ำตาลทราย นำไปตั้งไฟกวนสักครู่ ใช้ไฟอ่อน 4. ตักมันเทศกวนใส่ผ้าขาวบาง 1 ชต. แล้วบิดผ้าให้เป็นก้อนกลมๆ เมื่อคลี่ผ้าออกจะได้มันเทศบดรูปกลมๆ

เมนู วัย 6-7 เดือน

มันฝรั่งบด
เครื่องปรุงมันฝรั่งขนาดกลาง 1 ผลนมสดหรือน้ำต้มสุก 1/2 ถ.
วิธีปรุง1. ล้างมันฝรั่งให้สะอาดใส่หม้อเติมน้ำให้ท่วม ต้มจนกระทั่งมันฝรั่งสุกนุ่ม ใช้เวลา 20-30 นาที หรือหุ้มด้วย อลูมินัมฟรอยด์อบในเตาอบ อุณหภูมิประมาณ 400 ฟาเรนไฮต์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที2. นำมันฝรั่งที่ต้มสุกมาลอกเปลือกออก แล้วบดให้ละเอียด ถ้าเหนียวหรือข้นเกินไปให้เติมนมสดหรือน้ำต้มสุก


เฟลคต้มนมสด
เครื่องปรุงเฟลคหรือธัญพืชสำเร็จ 1-2 ช.ต.นมสด 1/4 ถ.
วิธีปรุง 1. ผสมเฟลคกับนมสด แล้วคนเข้าด้วยกัน 2. เทใส่หม้อตุ๋นแล้วกวนสักครู่ พอร้อน ปิดไฟ ยกขึ้น


ฟักทองบด
เครื่องปรุงฟักทอง 2 ช.ต.นมสด 3 ช.ต.
วิธีปรุง1. ต้มฟักทองให้เละ นำมาครูดผ่านกระชอน2. นำฟักทองที่ครูดแล้วใส่หม้อหม้อตุ๋น ยกขึ้นตั้งไฟ ตุ๋นให้ร้อน เติมนมสด คนให้เข้ากัน


ข้าวบดฟักทอง
เครื่องปรุง
ข้าวสุก 1/2 ถ.ฟักทองหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ช.ต.น้ำ 2 ถ.
วิธีทำ
1. ต้มข้าวสุกกับน้ำ โดยใช้ไฟอ่อนจนกระทั่งเป็นข้าวต้มเละๆ2. ใส่ฟักทองที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆลงในหม้อ แล้วบดฟักทองกับข้าวเข้าด้วยกันโดยใช้หลังช้อน


บดกะหล่ำดอก
เครื่องปรุงกะหล่ำดอก 2-3 ช่อ
วิธีทำ1. เติมน้ำลงในหม้อสูงจากก้นหม้อประมาณ 1 นิ้ว ต้มน้ำให้เดือด 2. ล้างกะหล่ำดอกให้สะอาด สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในน้ำเดือด ปิดฝาเคี่ยวจนนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 7-12 นาที 3. ตักกะหล่ำดอกขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วครูดผ่านกระชอน ถ้าข้นเกินไปให้เติมน้ำต้มกะหล่ำดอกหรือเติมนมก็ได้

แตงกวาต้มน้ำซุป
เครื่องปรุงแตงกวาผลเล็ก 2 ผลน้ำต้มกระดูกไก่ 1 ถ.ซีอิ้วขาวง่วนเชียง 1/2ชช.
วิธีทำ1. แตงกวาปอกเปลือก ผ่าครึ่งคว้านไส้ออก แล้วหั่นชิ้นเล็ก ต้มกับน้ำต้มกระดูกไก่จนสุกนิ่ม ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว2. บดแตงกวาที่ต้มสุกด้วยเครื่องบดไฟฟ้า หรือใช้วิธีครูดผ่านกระชอน


ซุปปลาบด
เครื่องปรุงปลาเนื้อขาว 1 ชิ้น เต้าเจี้ยว 1/4ชช.น้ำซุป 1/4ถ.
วิธีทำ 1. เอาก้างออกจากปลา แล้วใช้ช้อนขูดเนื้อปลา ใช้ประมาณ 1 ชต.2. ต้มน้ำซุปกับเต้าเจี้ยว พอซุปอุ่นๆ ใส่เนื้อปลาลงไปคนให้กระจาย


เต้าหู้ไข่แดงบด
ต้มเต้าหู้อ่อนกับน้ำต้มกระดูกไก่ ด้ววยไฟอ่อนอย่าให้นานนัก - ต้มไข่ไก่จนสุก ใช้แต่ไข่แดง นำมาบดกับเต้าหู้อ่อน เติมน้ำเล็กน้อยให้นิ่มเละ หรือจะใช้ตับสลับกับไข่แดงบ้างก็ได้โดยที่เมื่อเต้าหู้สุกแล้วให้ใส่ตับบดลงไปต้มจนสุก

ไข่แดงตุ๋นนมสด - อุ่นนมในหม้อตุ๋นให้พอร้อน ใส่ไข่แดงงคนให้เข้ากัน นำไปตุ๋น คอยคนบ่อยๆ

คัสตาร์ดไข่แดง - ผสมนมสด 2 ชต. น้ำซุป 1 ชช. และไขข่แดง ( เอาเยื่อไข่แดงออกก่อน ) 1 ฟอง เข้าด้วยกัน ใส่เกลือป่นเล็กน้อย - นำไปนึ่งด้วยไฟแรงปานกลาง ประมาณ 5-7 นาที

มันฝรั่งไข่แดง - หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ต้มให้สุกนิ่ม บดละเอียด - ต้มไข่ให้สุกแข็ง บดละเอียด ต้มผักอะไรก็ได้ เช่น ตำลึง ผักกาดขาว ผักขม สับเป็นชิ้น ละเอียดเล็กๆ - ละลายเนยสดในหม้อ ผัดผัก มันฝรั่ง และไข่ให้เข้ากัน

ไข่นึ่งผักขม - แช่ขนมปังในน้ำอุ่น หรือจะต้มก็ได้ - ต้มผักขมแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ตีไข่ให้เข้ากัน เติมน้ำซุป ปรุงรสด้วยเกลือ หรือซีอิ้วขาวเล็กน้อย - ใส่ผักขมและ ขนมปังลงในชาม เทส่วนผสมของไข่และน้ำซุปลงไป นำไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที

ขนมปังต้มกล้วย- ต้มขนมปังในนมสดจนนิ่มเละ - ครูดกล้วยน้ำว้าเอาแต่เนื้อ - พอขนมปังได้ที่ยกลง แล้วรีบเอากล้วยใส่

ปลาตุ๋น - ล้างปลา ขอดเกล็ด แกะก้างให้ดี ใส่เนื้อปลาลงในหม้อตุ๋นเติมนมสดหรือน้ำสุก 2 ชต. - ตุ๋นจนสุกนานประมาณ 20-30 นาที นำไปบดให้ละเอียด

เมนู วัย 3-6 เดือน

ข้าวบดใส่น้ำแกงจืด ข้าวบด ต้มปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดหรี่ไฟ เคี่ยวจนเปื่อย หรือใช้หม้อตุ๋น 2ชั้นก็ได้ บดข้าวในกระชอนตาถี่ หรือบดข้าวในผ่านผ้าขาวบาง หรือหลังช้อนก็ได้ น้ำแกงจืด ใช้ผักใบเขียวชนิดใดก็ได้ ยกเว้นบางชนิดที่มีกลิ่นแรงเช่น ผักชี ใบหอม ขึ้นฉ่าย กุยช่าย ล้างให้สะอาด ซอยละเอียด ต้มในน้ำด้วยไฟแรงจนสีเขียวของผักออก กรองเอาแต่น้ำ

กล้วยน้ำว้าครูด กล้วยน้ำว้าสุกเปลือกเหลืองค่อนข้างงอม ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกด้านที่จะครูดก่อน เพื่อมือจะได้ไม่สัมผัสด้านที่ ยังไม่ได้ครูดใช้ช้อนครูดเอาแต่เฉพาะผิวๆ บดให้ละเอียด ครูดผ่านกระชอนหรือผ้าขาวบางอีกครั้ง กล้วยน้ำว้าครูดนี้สามารถให้ทานเปล่าๆ หรือนำไปผสมกับข้าวบดก็ได้

ข้าวบดกับนม - ผสมนมตามปกติ แล้วเทใส่หม้อ ตั้งไฟฟพอให้ร้อน - ใส่ข้าวบด ( ข้าว 1 ช้อนโต๊ะ ต่อ นม 1/3ถ้วย ) คนให้เข้ากัน ยกลง- แล้วเติมนมอีก1ช้อนโต๊ะ คนให้ทั่ว

ข้าวบดใส่ไข่แดง - ต้มไข่จนสุก ( ประมาณ 20 นาที ) เอาแตต่ไข่แดงที่สุกจริง ๆ มาบดกับข้าว - ครั้งแรกควรเริ่มให้ไข่แดงแค่ ประมาณ1/4ก่อน ไข่แดงต้องเป็นไข่แดงสุกจริง ๆ เพราะหากเป็นยางมะตูม จะย่อยยาก

ข้าวบดถั่วเขียว นำถั่วเขียวเลาะเปลือกล้างสะอาด แช่น้ำเดือดประมาณ 20 นาที ต้มจนเปื่อย กรองเอาน้ำออก บดให้ละเอียด ผสมกับข้าวหรือจะผสมกับนมที่ให้ทานก็ได้

โจ๊กน้ำต้มตับ ต้มปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดใส่ตับ เคี่ยวจนตับสุก และข้าวเปื่อย จากนั้นนำตับขึ้นมาแล้วครูดข้าวให้ ละเอียด หรือ จะใช้วิธี นำตับมาสับ ให้ละเอียดก่อน จากนั้นค่อยนำไปต้มให้สุกแล้วกรองเอาน้ำต้มผสมกับข้าวบด น้ำซุปไข่ แดง ต้มน้ำซุป ( หมูหรือไก่ ) กับผักกาด หรือผักเขียวชนิดใดก็ได้ ต้มจนผักสุก น้ำผักออกสีเขียว บดไข่แดงต้มสุก เติม น้ำซุปที่ต้มกับผัก ( เอาแต่น้ำ ) ลงไปเคี่ยวให้เละและเหลว

ข้าวบดปลา - นำปลามาลอกหนังออกเลาะเอาแต่เนื้อ อยย่าให้มีก้างติด นึ่งหรือต้มจนสุก - นำมาบดผสมกับข้าวบด หรือจะใช้ปลาดิบต้มผสมกับปลายข้าว แล้วนำมาบด ทีหลัง

ฟักทองบด - ต้มหรือนึ่งฟักทองจนสุกนิ่ม ครูดผ่านนกระชอนหรือบดด้วยหลังช้อน - นำฟักทองใส่หม้อตุ๋น ยกขึ้นตั้งไฟตุ๋นให้ร้อน - เติมนมสด คนให้เข้ากัน หรืออาจเติมมไข่แดงบด หรือเนยสด หรือน้ำซุปลงไปด้วยก็ได้ - สามารถเปลี่ยนฟักทอง เป็น มันฝรั่ง แครอท หัวไชเท้า

ซุปเต้าหู้อ่อน ต้มแครอท ให้เละกรองเอาแต่น้ำ หั่นเต้าหู้ อ่อนเป็นชิ้น เล็ก ๆ บดละเอียดใส่ลงในหม้อ เติมน้ำซุป ต้มให้เดือด ละลายแป้งมันใส่เล็กน้อยคนพอสุกข้นยกขึ้น

ขนมปังน้ำแอปเปิ้ล ต้มนมสดในหม้อตุ๋น พอเดือดใส่ขนมปังที่ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มด้วยไฟอ่อน จนขนมปังเละ นำแอปเปิ้ลบดละเอียดกรองเอาแต่น้ำเติมลงในหม้อขนมปังต้มนม สำหรับน้ำแอปเปิ้ล อาจใช้น้ำผลไม้ที่มีรสหวานแทนก็ได้ เช่น น้ำองุ่น น้ำมะละกอ

น้ำองุ่น (5 เดือน)เครื่องปรุงองุ่น 1 พวงวิธีปรุง- แช่องุ่นในน้ำสะอาด ทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างให้สะอาด- ปลิดองุ่นทีละเม็ดออก ล้างให้สะอาด ลอกเปลือก แล้วผ่าแคะเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ - ใช้ผ้าโปร่งที่สะอาด บิดคั้นเอาแต่น้ำ

ข้าวครูด เครื่องปรุงปลายข้าว 2ชต.น้ำ 2 ถ .วิธีทำ1. ต้มปลายข้าวกับน้ำ พอเดือดหรี่ไฟ เคี่ยวจนข้าวสุกและเปื่อย หรืออาจจะตุ๋นก็ได้โดยใช้หม้อตุ๋น 2 ชั้น2. นำมาครูดด้วยกระชอนตาถี่ๆ หรืออาจบดด้วยหลังช้อนจนละเอียดมาก ข้าวครูดนี้อาจใช้ป้อนทารกโดยเติมน้ำ ต้มผัก หรือบดกับกล้วยน้ำว้าสุกก็ได้ *ก่อนครูดข้าวต้องล้างกระชอนให้สะอาด และลวกด้วยน้ำร้อน

ฝึกลูกชันคอ

ฝึกหนูชันคอ
การเคลื่อนไหวของทารกน้อย ไม่ว่าจะเป็นการชันคอ พลิกคว่ำ คืบ คลาน ล้วนต้องอาศัยกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ช่วยในการเคลื่อนไหวทั้งนั้น ในเดือนที่ 4 ลูกน้อยจะสามารถชันคอได้ 90 องศา ชันคอได้แข็งแรงขึ้น ใช้แขนน้อยยันยกตัวขึ้น ศีรษะตั้งตรง เริ่มจะพลิกตัวได้บ้างการชันคอถือเป็นพัฒนาการเริ่มแรกที่เด็กควรทำได้ ซึ่งจะอาศัยการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ให้มีการทำงานที่สมดุลเพื่อพัฒนาไปสู่การเคลื่อนไหวอื่น ๆ คือ คืบ นั่ง คลาน เป็นต้น เพื่อการส่งเสริมพัฒนาการให้ลูก คุณแม่จะได้เห็นความสามารถของเจ้าตัวน้อย นั่นคือ การชันคอ ชันคอได้ดีด้วยการฝึก เด็กเล็ก 4 เดือนจะชันคอได้ในท่านอนคว่ำคล้ายๆ กบ โดยใช้สองมือยันพื้นพยุงคอและลำตัวได้เล็กน้อย การฝึกการชันคอให้ลูกนั้น คุณแม่ทำได้ด้วยการ- ใช้ของหลอกล่อ โดยให้ลูกนอนคว่ำหน้า และใช้ของเล่นที่มีสีสันสดใส เช่น แดง เขียว ส้ม วางข้างหน้า ให้เขามองตาม เพื่อฝึกการชันคอและฝึกสายตา ซึ่งสายตาเขาเริ่มมองเห็นได้ในระยะไกลได้และชัดเจนมากขึ้น นั่นเพราะสายตาเด็กจะไวต่อสีสดใส และจะพยายามมองตามสิ่งแปลกใหม่ - ใช้ของเล่นที่มีเสียง บีบในระยะใกล้ๆ และค่อยๆ ห่างออกไปเพื่อให้ลูกมองตาม สังเกตว่าเขาจะพยายามมองหาเสียงนั้นๆ และพยุงตัว ชันคอขึ้นจากพื้น ซึ่งเป็นการฝึกกล้ามเนื้อแขน กระดูกสันหลัง และสะโพกให้แข็งแรงขึ้น รวมทั้งฝึกประสาท หู สายตา ให้ทำงานประสานกันได้ดีขึ้นนั่นเองฃ- ให้นอนคร่อมขาแม่ ให้คุณแม่นั่งเหยียดขาตรง จับลูกนอนคว่ำให้ลำตัวคร่อมที่ขาแม่ ให้ศีรษะเขาเลยไปหน่อย เพื่อฝึกให้เขาหัดชันคอ คุณแม่อาจจะใช้หมอนรองที่หน้าอกลูกเพื่อเขาจะได้ไม่เจ็บ- ให้นอนในพื้นเรียบ เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสพลิกตัวไปมา ให้เขามีอิสระในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในช่วงกลางวัน และไม่ควรให้ลูกนอนเปลผ้า จะทำให้พัฒนาการล่าช้า เพราะทารกไม่มีโอกาสได้หัดพลิกคว่ำพลิกหงายตามขั้นตอน และพัฒนาการการนั่ง การคลืบคลาน จะช้าตามไปด้วย นอกจากนี้ยังขาดการกระตุ้นทางสายตาอีกด้วย- อุ้มพาดบ่า ให้คุณแม่อุ้มลูกน้อยผลัดเป็นท่าพาดบ่าบ้าง ยามเดินเล่น เพื่อฝึกให้เขาได้ชันคอ แต่ทั้งนี้ควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง- ให้ลูกนอนหงาย ให้ลูกนอนหงายในพื้นราบ จับมือทั้งสองข้างให้ลูกลุกขึ้นเบาๆ จะเห็นว่าลูกน้อยจะเกร็งคอเวลาลุก ช่วยให้กล้ามเนื้อคอของลูกน้อยแข้งแรงขึ้นนั่นเองค่ะสิ่งที่บ่งชี้ว่าลูกอาจมีพัฒนาการล่าช้า- อายุครบ 4 เดือนจับนอนคว่ำ ไม่ยอมยกศีรษะหรือชันคอขึ้น - อายุครบ 4 เดือน จับลูกนอนหงาย ใช้แขนดึงลูกให้ลุกขึ้นนั่งตาม ซึ่งลูกน้อยที่มีพัฒนาการปกติจะสามารถหันศีรษะตามได้โดยที่ศีรษะไม่เอนเอียงหรือห้อยคอลงมา

การนวดสัมผัส - เสริมพัฒนาการ

นวดสัมผัส" เสริมพัฒนาการทารก
ถึงจะรู้ว่า "การนวดสัมผัส" ให้คุณประโยชน์มากมายกับลูกน้อย แต่พ่อแม่หลายคู่ก็ไม่ทำให้ลูก มิใช่เพราะไม่อยากทำ แต่เพราะไม่รู้ว่าวิธีการนวดว่าต้องทำอย่างไร ในงานเปิดศูนย์นวดสัมผัสทารกจอห์นสัน เบบี้ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ศูนย์สัมผัสทารกแห่งแรกในโรงพยาบาลของรัฐบาล ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดสัมผัสมาแนะนำวิธีการนวดแบบง่ายๆ ให้ทารกน้อย
การนวดสัมผัสส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะเป็นการกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อระบบประสาท ระบบไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ทารกผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทารกมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อารมณ์แจ่มใสและมีพัฒนาการทางสังคมดี รวมทั้งยังมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบการย่อยของกระเพาะอาหารและลำไส้ ระบายลม ลดอาการท้องอืด หรืออาการโคลิคที่มักเป็นปัญหาทำให้ทารกร้องไห้งอแง และช่วยให้ทารกรับประทานนมได้เพิ่มขึ้น นอนหลับได้นานขึ้น"
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดสัมผัส แนะวิธีการนวดเพื่อกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร คือ "ท่าไอ-เลิฟ-ยู" วิธีการนวดเริ่มจากใช้ฝ่ามือลูบเป็นเส้นตรงใต้ราวนมด้านซ้ายของเด็ก ถึงบริเวณท้องน้อยเป็นรูปตัวไอ ทำซ้ำ 5 ครั้ง จากนั้นใช้ฝ่ามือลูบเป็นตัวแอลกลับหัวบริเวณท้องของเด็ก โดยเริ่มจากซ้ายไปขวาของพ่อ-แม่ ทำครบ 5 ครั้งแล้วใช้ผ่ามือลูบบริเวณท้องเป็นรูปตัวยูคว่ำบริเวณเหนือสะดือ โดยเริ่มจากซ้ายไปขวาของพ่อ-แม่ ทำจนครบ 5 ครั้ง